รีวิว Secret Zoo – เฟค Zoo สู้โว้ย!
หนังฮอตฮิตที่ขึ้นชาร์ตอันดับ 1 ในเกาหลีใต้ ต่อจาก Ashfall เรียกว่าเปลี่ยนอารมณ์กันสุด ๆ จากแอ็กชันระเบิดตูมตามมาเป็นเบาสมอง หนังใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า Secret Zoo ส่วนชื่อไทยว่า “เฟคzooสู้โว้ย” เข้าฉายในเกาหลีใต้มา 2 สัปดาห์ ทำรายได้ไปแล้ว 5.9 ล้านเหรียญ 182 ล้านบาท หนังไม่ต้องลงทุนอะไรมากเลย กำไรเละเทะแล้วล่ะ รีวิว Secret Zoo เป็นภาพยนตร์คอมมาดี้ เบาสมอง ตลกแซะคนปนล้อสัตว์ ที่น่ารักน่าเอ็นดู สมกับเป็นพลอตสวนสัตว์บันเทิง แต่ก็ไม่ได้หัวเราะร่วนเปล่าๆนะ เพราะหนังสอดแทรกสาระในรูปแบบที่ย่อยง่าย จิกประเด็นสังคมรอบตัวหลายอย่าง เสียดสีโลกทุนนิยม สะท้อนคุณค่าชีวิตคนชีวิตสัตว์ อย่างละนิดละหน่อย จับมาขมวดปมไว้ด้วยกันอย่างเข้าท่าเข้าที
เรื่องย่อ
เมื่อไม่ได้บรรจุเข้าเป็นพนักงานประจำในสำนักงานกฎหมายเจ้าดังซักที แทซู ฝันว่าซักวันเขาจะได้ตำแหน่งที่มั่นคงในบริษัทนี้ เขาทุ่มเททุกอย่างเพื่อคว้าโอกาสนั้นมาให้ได้ จนในที่สุดเขาได้รับมอบหมายให้ไปชุบชีวิตกิจการสวนสัตว์ที่กำลังถังแตกขึ้นมาโดยมีเส้นตายสามเดือน แต่อุปสรรคสำคัญ คือ สวนสัตว์ที่ว่ากลับไม่มีสัตว์เหลืออยู่เลย เขากับทีมพนักงานสวนสัตว์คิดแผนสุดพิสดารขึ้นมา โดยให้ทุกคนใส่ชุดปลอมตัวเป็นสัตว์ ฟังดูไม่น่าได้ผลแต่กลายเป็นว่าแผนนี้ของแทซูทำให้สวนสัตว์ของเขาดังสนั่นโซเชียล เมื่อทุกอย่างกำลังไปได้สวย แทซูกลับค้นพบแผนร้ายที่บริษัทของตั้งใจจะทำกับสวนสัตว์แห่งนี้ แทซูต้องเลือกระหว่างอนาคตที่มั่นคงกับความถูกต้อง
หนังเล่าเรื่องของ แทซู ทนายหน้าใหม่ในบริษัทที่ปรึกษาทางกฏหมายยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ แทซูอยากก้าวหน้าในตำแหน่งการงาน เพราะมีความน้อยเนื้อต่ำใจในหน้าที่การงานของเขาเอง ที่เพื่อน ๆ แซงหน้ากันไปหมดแล้ว จนกระทั่งโอกาสมาถึง เมื่อนายใหญ่มอบหมายให้เขาไปบริหารสวนสัตว์ดงซาง สวนสัตว์ที่ขาดทุนย่อยยับและกำลังจะปิดตัวเต็มทน หน้าที่ของแทซูคือฟื้นฟูกิจการบริษัท เพื่อให้สวนสัตว์มีมูลค่าแล้วบริษัทจะได้ทำกำไรตอนเอาไปขายต่อ
แต่เมื่อแทซูไปถึงกลับพบว่าทั้งสวนสัตว์เหลือหมีขั้วโลกแค่ตัวเดียว กับพนักงานเดนตายอีกแค่ 4 คน แทซูมีเส้นตายแค่ 3 เดือน ที่จะฟื้นฟูสวนสัตว์ให้กลับมามีกำไรเพื่อพิสูจน์ความสามารถตัวเองให้หัวหน้าได้เห็น แต่เมื่อไม่มีสัตว์ให้ลูกค้าซื้อตั๋วเข้ามาดู แผนการสุดประหลาดของแทซู ก็คือให้พนักงานทั้ง 4 คน ใส่ชุดสัตว์ตบตาผู้ชม จากไอเดียให้คนต้องแกล้งเป็นสัตว์ให้เนียนที่สุด ไม่ให้คนดูจับได้ ก็ขยายกลายเป็นมุกสุดฮาได้มากมาย โดยเฉพาะฉากกอริลลาบุกร้านสะดวกซื้อนี่เรียกเสียงฮาได้สุดจริง ๆ
และส่วนหนึ่งที่หนังฮิตติดใจคนดูได้ขนาดนี้ก็เพราะ หนังดัดแปลงมาจากการ์ตูนเรื่องดังจาก เว็บตูน โดยผู้กำกับ ซน แจกอน เหมาหน้าที่ทั้งเขียนบทและกำกับเองเสร็จสรรพ ต้องบอกเลยว่าเป็นหนังที่ไม่คุ้นทั้งชื่อผู้กำกับและนักแสดงเลย อ่านผลงานแต่ละคนก็ไม่คุ้นชื่อเลยนะ จะมีคุ้นหน้าก็เพียง พัค ยองกยู รายเดียวเท่านั้นที่รับบทเป็น ผู้อำนวยการคนเก่าของสวนสัตว์
แต่ด้วยบุคลิกแต่ละคนที่โดดเด่นก็ทำให้หนังเดินหน้าไปได้อย่างลื่นไหล เพราะตัวละครนำหลัก ๆ ในภารกิจกอบกู้สวนสัตว์ก็มีเพียง 5 คน เท่านั้น แน่นอนว่าตัวละครเด่นสุดก็คือ แทซู ทนายที่มารับหน้าที่ผู้อำนวยการสวนสัตว์ ที่บทหนังตั้งอกตั้งใจปูที่มาที่ไปของเขาอยู่นานพอควรกว่าจะเข้าสู่ภารกิจที่สวนสัตว์
พอเข้าสู่เรื่องราวในสวนสัตว์นั่นล่ะ หนังถึงเริ่มมีเสียงหัวเราะหลั่งใหลออกมาได้เรื่อย ๆ หลาย ๆ มุกได้ผล ได้เสียงหัวเราะดังลั่นโรง ส่วนใหญ่ก็เป็นท่าทางเปิ่น ๆ ฮา ๆ ของมนุษย์ที่อยู่ภายใต้ชุดสัตว์นั่นล่ะ ด้วยบรรยากาศของหนังที่เป็นหนังอารมณ์ดี คนดูพร้อมจะผ่อนคลาย บางทีแค่คนในชุดสัตว์โผล่มายืนนิ่ง ๆ ก็ได้เสียงหัวเราะจากคนดูไปเรียบร้อยแล้ว
ในขณะที่พลอตหลักเดินหน้าไปอย่างเด่นชัดกับภารกิจกอบกู้สวนสัตว์ที่ได้ใจคนดูช่วยลุ้นกันสุด ๆ แล้ว หนังก็ยังมีพลอตรองอีกมากมาย ทั้งความสัมพันธ์ของพนักงานชายที่แอบรักเพื่อนร่วมงานหญิง ความผูกพันของหมอฮัน สัตวแพทย์หญิงกับ “เจ้าหมูกดำ” หมีขั้วโลก สัตว์จริงตัวสุดท้ายในสวนสัตว์ ซึ่งคนดูก็ยังแอบลุ้นให้เธอลงเอยกับแทซูพระเอกของเราอีกด้วย
น่นอนว่าหนังฟีลกู๊ดแบบนี้จะต้องมีตัวร้าย ที่ร้ายแบบชัด ๆ ตั้งแต่เห็นหน้าแล้ว ซึ่งงานนี้บริษัทของพระเอกนั่นแหละที่ต้องสถานะตัวร้ายของเรื่องไป ในฐานะเจ้าของธุรกิจใจดำที่ไม่สนชีวิตสัตว์และพนักงาน มองเห็นแต่ผลประโยชน์และกำไรเท่านั้น ซึ่งก็เป็นอุปสรรคที่สอดแทรกเข้ามาได้อย่างลงตัว เพราะเป็นตัวร้ายที่มีบทบาทน่ากลัวในฐานะที่เป็นเจ้านายของแทซู
ซึ่งใหญ่โตเกิดกว่าที่แทซูจะต่อกรด้วยไหว แล้วก็ยังเป็นบทลงเอยที่เปิดโอกาสให้บทหนังสอดแทรกสาระเรื่องสิ่งแวดล้อม รักษ์โลกลงไปได้อย่างสวยงาม ส่วนบทลงเอยนั้น ดูหนังสดเราก็คาดเดาได้อยู่แล้วว่าหนังไม่ทำร้ายจิตใจคนดูแน่นอน เพียงแต่ว่าเมื่อเรื่องราวพาไปถึงจุดวิกฤต ก็ดึงความสนใจคนดูให้ช่วยลุ้นได้พอควรว่าแทซูและพลพรรคจะหาทางออกจากวิกฤตนี้ได้อย่างไร ก็นับว่าหนังหาทางออกได้สวยหรูดูดี
ยอมรับตามตรงว่าฉากที่เจ้านายของแทซูเผยแผนการณ์แยบยลที่จะทำกำไรกับสวนสัตว์นั้นตามไม่ทันจริง ๆ แต่ก็เป็นจุดเล็กจุดน้อยในเว็บสตรีมหนัง ที่ไม่มีผลกับความสนุกของหนังแต่อย่างใด จะมีติสักหน่อยก็ในเรื่องความยาวของหนัง ที่เนื้อหาใจความไม่มากนัก แต่ด้วยความยาวอีก 3 นาที 2 ชั่วโมงก็พอให้รู้สึกว่าหนังน่าจะทำได้กระชับกว่านี้นะ
ดูแล้วก็สมควรที่หนังจะได้รับการตอบรับอย่างดีจากคนดูในเกาหลีใต้ ครบถ้วนทั้งสาระและบันเทิง เป็นหนังที่พาให้เราผ่อนคลายได้จริงในเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง นั่งดูไปเพลิน ๆ ก็เผลอนั่งยิ้มแก้มปริให้กับจอหนังโดยไม่รู้ตัว
บทวิจารณ์
ใครจะไปเชื่อ ว่าหนังตลกจะมีการเล่าได้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว มีสาระและชวนติดตามมากถึงขนาดนี้ เพราะโดยปกติแล้ว ภาพยนตร์แนวคอมมาดี้ทั่วๆ ไปนั้นไม่ค่อยจะลงทุนลงแรงกันเสียเท่าไหร่ เอาเรื่องมุกมาเป็นไม้เด็ด เพื่อดึงอารมณ์คนดูเท่านั้น แต่ Secret Zoo เฟคซูสู้เว้ย นั้นต่างออกไป เพราะถึงแม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะกะสร้างเอาฮา แต่พอได้ชมภาพยนตร์ตัวจริงเวอร์ชั่นเต็มแล้ว ก็ต้องยอมรับเลยว่าคนเกาหลีมีดีทางด้านศาสตร์แห่งความบันเทิงเบอร์ต้นๆ ของโลกจริงๆ
Secret Zoo เฟคซูสู้เว้ย มีวิธีเล่าเรื่องจากชีวิตของคนๆ หนึ่ง ที่มีความเกี่ยวพันกับหน้าที่การงาน แต่ด้วยพลังแห่งมิตรภาพที่ดี งานนี้จึงทำให้เขาสามารถก้าวพ้นอุปสรรคต่างๆ ไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ ใครจะไปรู้ว่าคนธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่หน้าตาไม่ใช่ว่าจะดี ฐานะปานกลาง แถมยังจบการศึกษามาจากมหาวิทยาลัยเหลือเลือก จะมีความสามารถและไอเดียดีๆ ที่ช่วยเหลือกิจการสวนสัตว์ที่กำลังจะพังพินาศ และกลับมาปังเปรี้ยงปร้างได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม วิธีที่เขาใช้เรียกลูกค้าอาจจะผิดศีลธรรมอยู่บ้าง จนท้ายที่สุด พระเอกของเราก็ต้องถูกจับควยคุมความประพฤติ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในการใช้อำนาจทางกฎหมายของประเทศเกาหลี แต่อย่างน้อย เขาก็ยังโชคดี ที่มีคุณหมอคนสวยคอยอยู่เคียงข้าง และเป็นกำลังใจดีๆ ให้แก่เขา จึงทำให้ภาพยนตร์เรื่อง Secret Zoo เฟคซูสู้เว้ย จบลงอย่างเศร้าๆ แต่งดงาม
สรุป
เราคิดว่าภาพยนตร์เรื่อง Secret Zoo เฟคซูสู้เว้ย น่าจะเหมาะกับเด็กที่โตสักนิด อย่างนักเรียนม.ปลาย หรือนักศึกษาขึ้นไป ไม่ใช่ว่าหนังเรื่องนี้มีฉากน่ากลัวจนดูไม่ได้ หรือมีอะไรที่ผิดศีลธรรมรุนแรงขนาดนั้น เพียงแต่ว่าปมในเรื่อง และจุดไคลน์แม๊กซ์ของเรื่องนั้นค่อนข้างซับซ้อน และต้องการการตีความเพื่อทำความเข้าใจอยู่พอสมควร หากเด็กที่ยังไม่มีวุฒิภาวะมาดู อาจจะยังไม่เข้าใจ หรืองงๆ ว่าพวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่ จึงอาจจะทำให้ดูหนังแล้วไม่อินเท่าที่ควร
